พลูคาว สมุนไพร รักษามะเร็ง

พลูคาว สมุนไพร
รักษามะเร็ง

พลูคาว หรือผักคาวตอง เป็นผักพื้นบ้านที่นิยมรับประทานใบสดแกล้มอาหาร โดยเฉพาะอาหารเหนือและอีสาน เช่น ลาบ ก้อย และแจ่ว นอกจากนั้น ยังนำมาสกัดเป็นอาหารเสริมต่าง ๆ เพราะเชื่อกันว่าพลูคาวมีสรรพคุณรักษาหรือป้องกันโรคร้ายต่างๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน และมีสรรพคุณทางยาของ "พลูคาว" จากผลการวิจัยสามารถต้านไวรัส และ เซลล์มะเร็งได้ ถือได้ว่าเป็น "พืชต้านไวรัส กระตุ้นภูมิคุ้มกัน" กินเป็นประจำทุกวัน เสริมสร้างให้ร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย

พลูคาวเป็นพืชสมุนไพรที่นิยมนำมาใช้รักษาอาการไอ โรคปอดบวม และโรคหลอดลมอักเสบ พลูคาวมีสารประกอบฟีนอลที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย เช่น สารฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) อัลคาลอยด์ (Alkaloid) และสารเควอซิทิน (Quercetin) ซึ่งอาจมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการทำลายเซลล์ในร่างกาย และยับยั้งการอักเสบได้

ปัจจุบันมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และผลงานศึกษาวิจัย ทางด้านเภสัชวิทยา ที่พิสูจน์ความเชื่อเกี่ยวกับคุณสมบัติต่าง ๆ ของพลูคาวไว้ดังต่อไปนี้

ยับยั้งเซลล์มะเร็ง เชื่อกันว่าพลูคาวเป็นสมุนไพรที่อาจมีฤทธิ์ต้านมะเร็งได้ มีงานวิจัยหนึ่ง ที่สกัดสารชีวภาพกลุ่มอัลคาลอยด์หลายชนิดจากพลูคาวแล้วนำมาใช้ทดลองในตัวอย่างเซลล์มะเร็งของมนุษย์พบว่าสารชนิดนี้อาจมีคุณสมบัติต้านการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้

ส่วนอีกงานวิจัยหนึ่งที่ทดลองใช้พลูคาวปริมาณ 250 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร กับตัวอย่างเซลล์มะเร็งของผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ และลำไส้ตรงระยะแรกเริ่มในห้องทดลองเป็นเวลา 1 วัน พบว่าพลูคาวยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง และทำลายเซลล์มะเร็งชนิดนี้ได้

มีฤทธิ์ในการทําลายเซลล์มะเร็ง จากการวิจัยพบว่าสารอัลคาลอยด์ที่แยกได้จากส่วนเหนือดิน ของต้นพลูคาว แสดงฤทธิ์ปานกลางในหลอดทดลองในการทำลายเซลล์มะเร็งเพาะเลี้ยง มีเซลล์มะเร็งปอด เซลล์มะเร็งรังไข่ เซลล์เนื้องอกที่เป็นเนื้อร้าย เซลล์มะเร็งสมอง มะเร็งลำไส้ โดยมีฤทธิ์ทำลายเซลล์มะเร็งแต่ละชนิดอย่างมีนัยสำคัญ ในประเทศจีนมีการใช้ต้นพลูคาวเป็นส่วนประกอบในตำรับยาผง สําหรับรับประทาน ใช้ในการรักษามะเร็งทางเดินอาหาร มะเร็ง ทางเดินหายใจ มะเร็งปากมดลูกและ มะเร็งเต้านม ในตำรับยาจีน กล่าวว่า พลูคาวมีสรรพคุณในการกำจัดความร้อนและสารพิษ เพิ่มการไหลเวียนของเลือด เพิ่มภูมิต้านทาน และรักษาอาการ ข้างเคียงที่เกิดจากการใช้รังสีรักษาและเคมีบำบัด

ต้านการอักเสบ เพราะพลูคาวมีสารต่าง ๆ ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ และอาจช่วยป้องกันการทำลายเซลล์ในร่างกาย จึงมีสมุนไพรและผลิตภัณฑ์อาหารเสริมจากพลูคาวที่มักกล่าวอ้างสรรพคุณในด้านดังกล่าว มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งเผยว่า น้ำมันหอมระเหยจากพลูคาวมีกลไกการออกฤทธิ์คล้ายกับยาต้านอักเสบกลุ่ม NSAIDs ดังนั้น พลูคาวจึงอาจมีประสิทธิผลต้านการอักเสบได้ ส่วนงานวิจัยที่ทดลองประสิทธิภาพของพลูคาวในตัวอย่างเซลล์มนุษย์ พบว่าสารสกัดจากพลูคาวอาจช่วยยับยั้งการอักเสบของเซลล์ผิวหนังได้ ในขณะที่อีกหนึ่งงานวิจัยซึ่งฉีดสารสกัดจากพลูคาวในหนูทดลองเพื่อดูประสิทธิภาพทางการรักษาอาการอักเสบ พบว่าพลูคาวช่วยยับยั้งภาวะหูอักเสบบวมน้ำได้

เสริมภูมิคุ้มกัน
ในการส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย การทำงานของ เม็ดเลือดขาวนั้นมีความสำคัญมาก ถ้าเม็ดเลือดขาวทำงานได้สมบูรณ์ดี ร่างกายก็จะไม่ติดเชื้อโรคและเจ็บป่วยได้ง่ายๆ จากการทดลองระบบภูมิคุ้มกันของเซลล์ในหลอดทดลอง พบว่า พลูคาวสามารถกระตุ้นการแบ่งตัวของเซลล์เม็ดเลือดขาวได้ ช่วยเพิ่มการสร้างแอนติบอดี้และช่วยเสริมการทำงานของ Macrophage และช่วยเพิ่ม Lyososomal enzyme ที่ใช้ย่อยทำลายสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ด้วย

ต้านไวรัส เชื้อราและแบคทีเรีย
จากการทดลองพบว่าสาร Decanonyl acetaldehyde ที่พบในพลูคาวมีฤทธิ์ต้านเชื้อจุลินทรีย์จำพวก Staphylococcus และ mold ซึ่งสารนี้จะช่วยลดการอักเสบและติดเชื้อในระบบต่างๆของร่างกายได้

สารอะไรที่ทำให้
พลูคาวมีฤทธิ์ต้านมะเร็งได้ผลดี?

ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 เป็นต้นมา มะเร็งเป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ของคนไทย สถิติโรคมะเร็งล่าสุดของประเทศไทย จากสถาบันมะเร็งแห่งชาติระบุว่า คนไทยตายจากโรคนี้มากกว่า 90,000 รายต่อปี และในปัจจุบัน มีจำนวนผู้ป่วยมะเร็งเพิ่มวันละ 400 คน หรือ 100,000 คนต่อปี

การรักษามะเร็งในปัจจุบันก็ยังคงใช้แบบเดิมเป็นหลัก คือ การผ่าตัด การใช้รังสีรักษาและการใช้สารเคมีบำบัด แม้จะมีทางเลือกใหม่ เช่น การรักษาแบบพุ่งเป้า (Precision Medicine) แต่ก็มีค่าใช้จ่าย ที่สูงมาก หรือแม้แต่การใช้สารเคมีก็ตามและมีผลข้างเคียงต่อผู้รักษาอย่างรุนแรง

หลายคนจึงหันมาใช้สมุนไพรเป็นตัวเลือกในการรักษามะเร็ง ที่มีราคาถูกกว่ากันมาก และมีอาการข้างเคียงน้อยมากเมื่อเทียบกับการรักษาแบบดั้งเดิม และพลูคาวถือได้ว่าเป็นสมุนไพรพื้นบ้านของไทยที่มีการนำมาใช้รักษามะเร็งมาอย่างยาวนาน

จากผลการวิจัยพบว่า พลูคาวมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านแบคทีเรีย ต้านไวรัส และต้านมะเร็ง ในที่นี้จะกล่าวถึงฤทธิ์ที่น่าสนใจ คือ ฤทธิ์ต้านมะเร็ง ซึ่งสารที่ออกฤทธิ์ก็คือ Rutin และ เควอซิทิน (Quercetin) แต่ที่ได้รับการศึกษาวิจัยและพูดถึงกันมากคือ Quercetin (เควอซิทิน)

โดยทั่วไป การเสื่อมสภาพ ถือได้ว่าเป็นกลไกอย่างหนึ่งของร่างกายที่สามารถต้านมะเร็งได้ ซึ่งจะป้องกันเซลล์มะเร็งไม่ให้เติบโตและยับยั้งการลุกลามของมะเร็งได้ ถึงกระนั้นก็ตาม การเสื่อมสภาพก็อาจจะลดความสามารถในการรักษามะเร็งได้และมีผลให้มะเร็งกลับมาได้หลังจากรักษาไปแล้ว

การรักษาแบบใหม่ที่เรียกว่า Senotherapy จะเลือกทำลายหรือยับยั้งกระบวนการเสื่อมสภาพ ยากลุ่มซีโนไลติก (Senolytic drugs) จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษามะเร็งได้ดี และสารกลุ่มนี้ ตัวที่น่าสนใจก็คือ เคอร์เซติน ซึ่งเป็นฟลาโวนอยด์ที่พบได้ในพืชหลายชนิดโดยเฉพาะพลูคาว

เควอซิทิน เป็นสารที่มีฤทธิ์มากในการกระตุ้นกลไกการเสื่อมสภาพของเซลล์ โดยจะไปยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์ และจะไปกระตุ้นเอ็นไซม์ไคเนสและยีนต้านมะเร็งให้ทำงานมากขึ้น ปัจจุบันมีการใช้ เควอซิทินในการกำจัดเซลล์ที่เสื่อมสภาพ หรือซอมบี้เซลล์ (Zombie cell) กันมากขึ้น ทำให้ลดความเสี่ยงของการกลายสภาพเป็นเซลล์มะเร็งต่อไป

การใช้ประโยชน์จากต้นพลูคาวในประเทศต่างๆ
ภูมิภาคอินโดจีน ใช้ต้นบรรเทาอาการของโรคริดสีดวงทวาร ขับปัสสาวะ แก้อาการอักเสบ แก้ลมพิษ ใบใช้แก้บิด นอกจาก ใช้เป็นผักแล้วยังใช้ต้มกับปลาหรือไข่เป็ดช่วยดับกลิ่นคาว

ประเทศจีน ใช้ใบหรือทั้งต้น ขับปัสสาวะ รักษาโรคติดเชื้อ ในทางเดินปัสสาวะ แก้อาการบวมน้ำ ฝีอักเสบ ปอดอักเสบ หลอดลมอักเสบ ไอ และ บิด ต้านเชื้อแบคทีเรียโดยเฉพาะใน ระบบทางเดินหายใจ

ประเทศอินเดีย เกาหลี ญี่ปุ่น จีน ใช้ทั้งต้นเป็นยาลดไข้ ขจัดสารพิษ (Detoxicant) รักษาแผลในกระเพาะอาหารและ อาการอักเสบ รวมทั้งรักษาพิษแมลงสัตว์กัดต่อย

ประเทศเกาหลี ใช้พลูคาวในการรักษาโรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดแข็งตัว และมะเร็ง

สำหรับประเทศไทย มีการใช้ประโยชน์ต้นพลูคาว ในยาแผนโบราณ และยาพื้นบ้านมานานแล้ว โดยใช้ใบเป็น ยาแก้กามโรค ทำให้น้ำเหลืองแห้ง แก้โรคผิวหนัง แก้พิษฝี ต้น แก้ริดสีดวง ชนเผ่าม้งใช้พลูคาวเป็นยารักษาไข้มาลาเรีย อย่างไรก็ตามมีบันทึกตำรับยาแผนโบราณที่มีพลูคาวเป็น ส่วนประกอบอยู่หลายขนาน

พลูคาว

รับประทานอย่างไรให้ปลอดภัยที่สุด ?

ในประเทศไทย การผลิตอาหารเสริมจากพลูคาวนั้นได้รับการควบคุมมาตรฐานและกำหนดกระบวนการผลิตอย่างเคร่งครัด แต่เพื่อประโยชน์และความปลอดภัยสูงสุดของตัวผู้บริโภคเอง ควรคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ ก่อนเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารเสริมจากพลูคาว

กระบวนการผลิต กระทรวงสาธารณสุขกำหนดว่า ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมพลูคาวต้องใช้กระบวนการสกัดด้วยการบดผง หรือสกัดด้วยน้ำจากใบพลูคาวเท่านั้น ดังนั้น ผู้บริโภคควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานดังกล่าวและได้รับการรับรองอย่างถูกต้อง

ปริมาณสารเควอซิทิน ไม่ควรบริโภคสารเควอซิทินจากอาหารเสริมเกิน 1 กรัม/วัน เพราะหากร่างกายได้รับสารเควอซิทินมากเกินไป อาจทำให้ไตเสียหายได้ ซึ่งผู้บริโภคศึกษาข้อมูลได้จากฉลากผลิตภัณฑ์